5 โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ที่เรียกได้ว่าต้องมีใช้ให้ชินมือเลยทีเดียว

แม้เทรนด์การทำรายการสด เช่น Facebook Live หรือ Live Streaming ของ YouTube จะมาแรงมากๆ ในปีนี้ แต่การทำวีดีโอนั้นยังคงน่าสนใจอยู่ และจำเป็นต้องใช้ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Facebook ที่โพสต์แบบวีดีโอมียอดการเข้าถึง (Reach) ไปหากลุ่มลูกค้ามากกว่าโพสต์แบบตัวอักษร หรือรูปภาพ และวีดีโอที่ทำออกมาได้ดีนั้นจะสร้าง Engagement อย่างมากมายมหาศาล เพราะว่าคนนิยมเสพภาพเคลื่อนไหวมากกว่า ภาพนิ่ง หรือตัวอักษร แต่แค่เรื่องราวที่ใช่ และการถ่ายทำที่ดีนั้นคงไม่เพียงพอ เพราะการตัดต่อวีดีโอหลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้วก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยล่ะ

5 โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ที่เรียกได้ว่าต้องมีใช้ให้ชินมือเลยทีเดียว

5 โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ที่เรียกได้ว่าต้องมีใช้ให้ชินมือเลยทีเดียว

วันนี้ผมก็เลยอยากจะพาคุณมาทำความรู้จักโปรแกรมตัดต่อวีดีโอทั้ง 7 ตัวที่จะทำให้วีดีโอของคุณดูดีขึ้นอีกหลายเท่า ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีตัวที่ถูกใจ เพราะเครื่องมือที่ผมเอามาแชร์ให้รู้จักนั้นมีทั้งบน Windows และ Mac และมีทั้งตัวฟรี และตัวที่เสียเงิน รับรองว่าพอคุณอ่านบทความนี้จบ คุณได้เครื่องมือใหม่ๆ เอาไปใช้ในการตัดต่อวีดีโอเพิ่มเติมแน่นอน

  1. Adobe Premier Pro ข้อดีของมันก็คือ Adobe Premier Pro นั้นสามารถเชื่อมต่อกับ Adobe After Effect และ Adobe Photoshop ได้ ซึ่งถ้าคุณใช้เครื่องมือเหล่านี้อยู่แล้ว คุณจะทำงานได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ แต่ข้อด้อยคือคุณต้องจ่ายเป็นรายเดือน
  2. Filmora Video Editor หน้าตาที่สวยงาม และใช้งานง่าย และราคาค่อนข้างเป็นมิตร แต่ข้อด้อยคือ เมื่อเทียบกับโปรแกรมตัดต่อวีดีโอรุ่นใหญ่ตัวอื่นๆ แล้ว ฟีเจอร์ของมันอาจจะมีน้อยกว่า
  3. Final Cut Pro ถูกใช้ในการตัดต่อภาพยนตร์ดังๆ มามากมายแล้วเช่น The Social Network, X-Men Origins และ 300 เป็นต้น ส่วนข้อด้อยของโปรแกรมตัวนี้คือมันอาจจะใช้งานยากสำหรับมือใหม่สักหน่อย เพราะว่ามันมีฟีเจอร์เยอะมาก และข้อด้อยอีกอย่างที่สำคัญที่อาจจะทำให้คนไม่กล้าใช้ก็คือราคาของโปรแกรมตัวนี้แพงมาก
  4. iMovie iMovie นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ใช้งานได้ง่ายที่สุดโปรแกรมหนึ่งในตลาด มันสามารถทำการตัดต่อแบบพื้นฐานเช่น การเชื่อมต่อวีดีโอ, การเร่งความเร็ว การใส่เพลง และการใส่ตัวอักษร ลงไปในวีดีโอ
  5. LightWorks Pro โปรแกรมตัว Free Trial นั้นมีฟีเจอร์เท่าๆ กับโปรแกรมตัวเสียเงิน เพียงแต่ตอน Export คุณจะทำได้แค่ Export File MP4 ไปยัง YouTube กับ Vimeo ด้วยความละเอียดแค่ 720p เท่านั้น ส่วนข้อด้อยของ LightWorks Pro ก็คือรูปร่างหน้าตาที่ใช้งานยาก และอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สักหน่อย